เมนู

บรรดาเรื่องเหล่านั้น สองเรื่องข้างต้น มีเนื้อความดังที่ตรัสไว้แล้ว
ในอนุบัญญัตินั่นเอง.
ในเรื่องที่ 3 มีวินิจฉัยดังนี้ :- บทว่า คิหิลิงฺเคน คือ เป็นผู้นุ่ง
ห่มผ้าขาวอย่างคฤหัสถ์.
ในเรื่องที่ 4 ไม่มีคำอะไร ๆ ที่ควรกล่าวไว้.
ในผ้า 7 ชนิด ถัดจากเรื่องที่ 4 นั่นไป มีวินิจฉัยดังนี้ :-
ผ้าที่เขาร้อยหญ้าคาทำ ชื่อว่า ผ้าคากรอง. ผ้าเปลือกไม้ของพวกดาบส
ชื่อว่าผ้าเปลือกปอ. ผ้าที่เขาเย็บทำติดกันเป็นแผ่น มีสัณฐานดังแผ่นกระดาน
ชื่อว่าผ้าทอเป็นแผ่น. ผ้ากัมพลที่เขาเอาเส้นผม (มนุษย์) ทำเป็นเส้นด้ายทอ
ชื่อว่าผ้ากัมพลทำด้วยเส้นผม. ผ้ากัมพลที่เขาทอทำด้วยขนหางสัตว์จามรี ชื่อว่า
ผ้ากัมพลทำด้วยขนหางสัตว์. ผ้านุ่งที่เขาเอาขนปีกนกเค้าทำ ชื่อว่าผ้านุ่งทำ
ด้วยขนปีกนกเค้า. หนังเสือและมฤคพร้อมทั้งขนและกีบเล็บ ชื่อว่าผ้าหนังเสือ.
ในเรื่องที่ 12 มีวินิจฉัยดังนี้ :-
บทว่า สารตฺโต ได้แก่ ผู้มีความกำหนัดด้วยความกำหนัดในอัน
เคล้าคลึงกาย. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบความกำหนัดนั้นแล้ว จึงตรัสว่า
เป็นอาบัติสังฆาทิเสส.

[เรื่องนันทมาณพเสพเมถุนธรรมในนางอุบลวรรณาเถรี]


ในเรื่องที่ 13 มีวินิจฉัยดังนี้ :- พระเถรีนั้น ชื่อว่าอุบลวรรณา
เป็นธิดาของเศรษฐีในเมืองสาวัตถี สมบูรณ์ด้วยอภินิหารตั้งแสนกัลป์. แม้
โดยปกติ พระเถรีนั้น มีผิวกาย สีคล้ายดอกอุบลเขียว น่าดูยิ่งนัก. ก็พระเถรีนั้น
ย่อมรุ่งเรืองยิ่งนัก เพราะไม่มีความเร่าร้อนด้วยกิเลสในภายใน. นางได้ชื่อว่า
อุบลวรรณา เพราะความที่นางมีผิวงดงามนั่นเอง.